กฎหมายมหาชน

Monday, August 07, 2006

นโยบายประหยัดพลังงาน

ในวันนี้ (1 มิ.ย.48) เป็นวันคิกออฟนโยบายประหยัดพลังงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 20.45 น.โดยมีนายกฯ ทักษิณ และเหล่าสาวงามจากการประกวดมิสยูนิเวิร์สเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นของนิสิตนักศึกษาต่อโครงการดังกล่าวส่วนมากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีแต่จะดีที่สุดถ้าเจ้าของโครงการทำได้.... เพราะในวันนี้เป็นวันที่ 1 มิถุนายน 2548 เป็นวันที่ทางรัฐบาลได้เชิญชวนให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน และนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวไว้ในรายการ “นายกฯ ทักษิณ คุยกับประชาชน” เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2548 เวลา 08.00 น. ถึงเรื่องปัญหาขาดดุลการค้าของประเทศไทย เพื่อไม่ให้ขาดดุลการค้าเป็นระยะเวลานานจึงต้องลดการขาดดุลด้วยการใช้วัตถุดิบในประเทศ และต้องประหยัดพลังงาน มาตรการที่ทางภาครัฐบาลได้ออกมารณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันประหยัดพลังงาน อาทิ การให้ทุกบ้านปิดการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าอย่างน้อย 1 ดวง หลังเวลา 20.45 น. เชื่อว่าจะประหยัดงบประมาณได้ถึง 1,200 ล้านบาท และในวันนี้ถือเป็นวันเปิดตัวโครงการรณรงค์ให้ภาครัฐ เอกชน และประชาชน มีจิตสำนึกในการประหยัดพลังงานพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีนายกฯ มาเป็นประธานเปิดโครงการคิกออฟประหยัดพลังงานที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วยแขกรับเชิญพิเศษ “มิสยูนิเวิร์สคนล่าสุด และนางสาวเจนิเฟอร์ ฮอว์กกินส์ มิสยูนิเวิร์ส 2004 พร้อมด้วยผู้เข้าประกวดทั้งหมด 80 ประเทศ” ในเวลา 20.00 น. ส่วนรายละเอียดของงานจะเชิญชวนประชาชนทั้งประเทศ ปิดไฟบ้านละ 1 ดวง เป็นเวลา 5 นาที ในเวลา 20.45-20.50 น. พร้อมกันทั่วประเทศ โดยในส่วนของทำเนียบฯจะมีการปิดไฟทุก ส่วนต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดจะเป็นประธานในการปิดไฟบ้านละ 1 ดวง ที่ศาลากลางของแต่ละจังหวัด หรือสถานที่ที่จังหวัดคิดว่าเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีมาตรการปิดเครื่องปรับอากาศ 1 ชั่วโมงต่อหลังต่อวัน ปัจจุบันในไทยมีเครื่องปรับอากาศ รวมกัน 1 ล้านเครื่อง จะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 63 ล้านบาทต่อเดือน และมาตรการขับรถความเร็วไม่เกิน 90 กม.ต่อชั่วโมง จะทำให้มีการประหยัดการใช้น้ำมัน 1,500 ล้านบาทต่อเดือน ด้านความคิดเห็นของนิสิตนักศึกษาต่อการที่ทางภาครัฐออกมารณรงค์ประหยัดพลังงาน ส่วนมากแล้วบอกถือเป็นโครงการที่ดี แต่จะได้ผลผู้นำต้องทำให้ได้จริงๆ ก่อน... “ปิ๊ก” ฤดี สุรพงรักตระกูล นิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ส่วนตัวก็เห็นด้วยกับนโยบายนี้เพราะเป็นการออกมากระตุ้นให้คนได้เริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้น และตัวโครงการก็ดูดี... “ปิ๊กว่าโดยรวมแล้วเป็นเรื่องที่ดีค่ะ และเห็นด้วย รวมทั้งพร้อมจะทำตามอย่างยิ่ง คนทั่วไปจะได้เริ่มใส่ใจในเรื่องนี้กันมากขึ้นและคิดว่าด้วยการโปรโมตตามสื่อต่างๆ น่าจะทำให้นโยบายนี้ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าจะให้ดีผู้ที่ออกแคมเปญนี้มาควรจะทำตัวเป็นแบบอย่างให้ได้ก่อนจะยิ่งดีมากๆ” “ต้อง” สถิตย์ เจนเลื่อน นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า ถ้ามองเฉพาะตัวแคมเปญนี้ถือว่าดีเพราะหากทุกคนทำตามก็จะสามารถประหยัดพลังงานไปได้เยอะทีเดียว “เรื่องนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย คือแค่ปิดไฟหนึ่งดวงจะไปช่วยประหยัดอะไรได้ แต่ถ้าทุกคนช่วยกันผมว่ามันจะประหยัดไปได้อีกเยอะ แต่หากมองกันให้ลึกจริงๆ แล้ว เรื่องของการประหยัดพลังงานต้องขึ้นอยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน ฉะนั้น เราควรหันมาร่วมปลูกจิตสำนึก ซึ่งตรงนี้ผมก็มองเห็นถึงความพยายามของรัฐบาลอยู่เหมือนกัน และผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่จะลองทำตามนโยบายนี้” “ตี๋” ปรีดี อัศวพานิชพันธ์ นิสิตคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความคิดเห็นว่าโครงการนี้ไม่น่าจะเวิร์กเอาเสียเลย เพราะรัฐบาลเอง ทั้งคณะรัฐมนตรีทั้งหลายก็ไม่รู้ว่าจะทำกันได้หรือเปล่า “ผมว่าโครงการนี้ไม่น่าจะเวิร์กหรอกครับ เพราะต่อให้รัฐมนตรีเอง ผมว่าเขาคงไม่ทำกันหรอก หรือทำไปก็คงทำได้ไม่นาน อย่างเช่นการรณรงค์เรื่องให้คนหันมาใช้บริการรถเมล์ เรือ รถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน ก็ยังไม่เห็นว่ารัฐมนตรีคนไหนจะเปลี่ยนไปทำตามโครงการกันได้สักคน แล้วอย่างนี้จะมาให้คนอื่นทำตามได้อย่างไร และถ้าถามผมว่าจะทำตามไหมคงต้องบอกว่าปกติตรงไหนที่ไม่ต้องการแสงสว่างก็ไม่ได้เปิดอยู่แล้ว”

0 Comments:

Post a Comment

<< Home